การปกป้องเด็ก
“เด็กทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน และได้รับการปฏิบัติที่เหมือนกัน โดยไม่คำนึงถึงความแตกต่างทางเพศ สีผิว เชื้อชาติ ภาษา ฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม ศาสนา และความพิการ หรือทุพพลภาพ ทั้งทางร่างกายและการเรียนรู้(สติปัญญา)”ที่มาของ “สิทธิเด็ก”
เด็กมีความเสี่ยงต่อสถานการณ์ต่างๆ มากกว่าผู้ใหญ่ ทำให้เด็กมีโอกาสถูกทำร้ายได้ง่ายทั้งจากบุคคลภายนอกหรือแม้กระทั่งจากบุคคลในครอบครัวของเด็กเอง เพราะในหลายๆสังคมเด็กมักถูกมองว่าเป็นสมบัติของพ่อแม่หรือผู้ปกครอง ดังนั้นเด็กจึงเป็นเพียงผู้ซึ่งกำลังจะกลายเป็นผู้ใหญ่ ยังไม่สามารถทำงานเพื่อสังคมได้ ทำให้เด็กไม่มีสิทธิในการออกเสียงหรืออำนาจทางการเมืองและเด็กมีพลังทางเศรษฐกิจน้อย ความคิดเห็นของเด็กจึงมักไม่ค่อยได้รับการยอมรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมส่วนใหญ่ยังขาดโครงสร้างทางกฎหมายและสังคมที่จะปกป้องคุ้มครองสิทธิเด็ก
ด้วยความคิดที่ว่าการพัฒนาเด็กอย่างเหมาะสมมีความสำคัญต่ออนาคตของสังคม ผู้ที่เล็งเห็นความสำคัญของเด็กหรือมนุษยชนจึงได้ให้สัตยาบันลงนามในสนธิสัญญาที่รู้จักกันในนาม “อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก” อันจะเป็นรากฐานอันสำคัญในการับรองว่าจะปกป้องและคุ้มครองเด็ก
“อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก” มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2533 ปัจจุบันอนุสัญญาฉบับนี้มีภาคีสมาชิกถึง 195 ประเทศ คงเหลือเพียง 2 ประเทศเท่านั้นที่ยังไม่เข้าเป็นภาคีสมาชิกคือประเทศโซมาเลียและสหรัฐอเมริกา ในส่วนของประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีสมาชิกอนุสัญญานี้เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2535 และมีผลใช้บังคับกับประเทศไทยในฐานะเป็นกฎหมายระหว่างประเทศเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2535
อนุสัญญาฯ ว่าด้วยสิทธิเด็กมีหลักการสำคัญสองประการคือ
หลักประโยชน์สูงสุดของเด็ก (the best interest of the child) เป็นข้อพิจารณาในการดำเนินการ
สิทธิเด็ก เป็นสิทธิสากล (Universal Rights) และเป็นสิทธิเด็ดขาด (Absolute Rights) ที่ต้องได้การรับรองและคุ้มครอง ด้วยจุดมุ่งหมายมิใช่เพื่อเรียกร้องสิทธิเด็ก แต่เพื่อการพัฒนาเด็กทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม สติปัญญา ให้เจริญเติบโตรอบด้านให้เต็มศักยภาพ และไม่เลือกปฏิบัติ ด้วยการผนึกกำลังร่วมกันในทุกสถาบันทั่วโลก
อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กมุ่งคุ้มครองสิทธิ 4 ดังนี้
เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่จะมีชีวิตรอดอยู่เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณค่าต่อไปโดยได้รับอาหารที่มีคุณค่าและเพียงพอ มีบ้านอยู่อาศัย และได้รับบริการสาธารณสุข รวมถึงสิทธิในการมีชื่อและสัญชาติ
สิทธิในการได้รับการปกป้องคุ้มครองจากการถูกเอาเปรียบทางเพศ, การใช้แรงงานที่อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หรือ พัฒนาการของร่างกาย สมองและจิตใจของเด็ก, การแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ, สิทธิที่จะได้รับความยุติธรรมจากรัฐในกรณีถูกกล่าวหาและการพิจารณาคดี และการปกป้องคุ้มครองเด็กที่มีชีวิตอยู่ในภาะยากลำบาก เช่น เด็กพิการ เด็กผู้ลี้ภัย เด็กกำพร้า เป็นต้น
สิทธิที่จะได้เล่นและพักผ่อน, สิทธิที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางวัฒนธรรม, สิทธิที่จะได้รับสิทธิในการศึกษาทุกประเภท, สิทธิที่จะคิดพัฒนาสติปัญญาและนับถือศาสนา
สิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นและกล่าวถึงชีวิตของตนเอง รวมทั้งโอกาสที่จะเข้าร่วมในกิจกรรมต่างๆของสังคม และมีส่วนร่วมตัดสินใจในครอบครัว โรงเรียนและชุมชน
(ข้อมูลจากหนังสืออนุสัญญาว่าสิทธิเด็ก ฉบับเด็ก จัดทำโดย องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากUNICEF
หมายเหตุ อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กมี 54 มาตรา แต่ที่เกี่ยวข้องกับเด็กโดยตรงมี 37 มาตรา ที่เหลือเป็นเพียงระเบียบและพิธีการต่างๆ ที่ประเทศสมาชิกหรือรัฐภาคีจะต้องปฏิบัติ
57/7 ซอย 3 ถนนทุ่งโฮเต็ล ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง
จังหวัดเชียงใหม่ 50000
โทรศัพท์ : 053 266 426 ถึง 9
โทรสาร : 053 240 442
Email : cithpr@gmail.com