การรู้จักเด็ก ให้ความรัก และให้การปกป้อง
การรู้จักเด็กแต่ละคน การให้ความรักเด็กแต่ละคน และการปกป้องเด็กแต่ละคนเป็นสิ่งสำคัญและเป็นรากฐานในการทำพันธกิจของเรา และเป็นจุดประสงค์ของการพัฒนาอย่างครบถ้วน มิใช่เพียงชุดกิจกรรมที่จะทำเพื่อเด็ก ๆ เท่านั้น แต่เป็นความรับผิดชอบที่จะให้สนับสนุนให้พวกเขาเติบโตขึ้นจนมีความสามารถที่จะทำเพื่อตนเองได้
คอมแพสชั่นสนับสนุนความสัมพันธ์แบบรายบุคคลเพื่อจะรู้จักและเข้าใจในตัวเด็กและสถานการณ์ในชีวิตของเด็กแต่ละคน
ความรักของพระคริสต์และแบบอย่างของพระองค์ทำให้เราตระหนักในคุณค่าของเด็ก สนใจความปรารถนาของเด็กแต่ละคน และรับใช้เด็กๆ อย่างกระตือรือร้นตามบริบทของพวกเขา
คอมแพสชั่นคอยระวังและปกป้องเด็กจากการถูกทารุณกรรมและการแสวงหาประโยชน์ นอกจากนี้ ให้ความช่วยเหลือเด็กในสิ่งที่จำเป็นต่อการพัฒนาชีวิตของเด็กแต่ละคน เช่น ด้านโภชนาการและ วัคซีน เป็นต้น
การได้รู้จัก รัก และปกป้องเด็กแต่ละคน เป็นเรื่องของความสัมพันธ์อันเป็นจุดเน้นที่สำคัญในพันธกิจนี้ และเป็นรากฐานในงานของคอมแพสชั่น
การกำเนิดของชีวิตไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นความตั้งใจของพระเจ้าที่สร้างเราแต่ละคนขึ้นมาในครรภ์มารดา ดังใน พระธรรมสดุดี 139: 13-16 ที่กล่าวว่า
“เพราะพระองค์ทรงสร้างชิ้นส่วนภายในข้าพระองค์ พระองค์ทรงถักทอข้าพระองค์เข้าด้วยกันในครรภ์มารดา … โครงร่างของข้าพระองค์ไม่ได้ถูกซ่อนไว้จากพระองค์ เมื่อข้าพระองค์ถูกสร้างอยู่ใ นที่ลับลี้ประดิษฐ์ขึ้นมา ณ ภายในที่ลึกแห่งโลก พระเนตรของพระองค์เห็นข้าพระองค์ตั้งแต่ยังไม่เป็นรูปทรง วันทั้งสิ้นที่กำหนดให้ข้าพระองค์นั้น ถูกบันทึกไว้ในหนังสือของพระองค์ตั้งแต่ยังไม่มีวันนั้นเลย”
กระทั่งการสิ้นพระชนม์ขององค์พระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน ก็เพื่อศักดิ์ศรีและความรอดของเด็กๆ เช่นเดียวกับมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ ดังใน พระธรรมยอห์น 3:16 กล่าวว่า “พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์”
เด็กจึงเป็นบุคคลที่มีคุณค่าและมีศักดิ์ศรีเช่นเดียวกับมนุษย์ทุกคน เด็กเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงรัก ไม่ว่าเขาจะมีชาติพันธุ์ หรือภาษาใดก็ตาม
มีพระคริสตธรรมคัมภีร์หลายตอนที่พูดเกี่ยวกับเด็กเอาไว้ ซึ่งทำให้เราเห็นว่าพระเจ้าทรงให้ความสำคัญกับเด็กอย่างมาก พระเจ้าทรงห่วงใยเด็กๆ และต้องการให้เราทำเช่นนั้นด้วย พระเยซูตรัสว่า “และถ้าใครจะยอมรับเด็กเล็ก ๆ อย่างนี้สักคนหนึ่งในนามของเรา คนนั้นก็ยอมรับเราด้วย” (มัทธิว 18:5)
มีเรื่องราวในพระคริสตธรรมคัมภีร์เดิมกว่า 30 เรื่องเป็นพยานว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ปกป้องเด็กกำพร้าและพระเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้คนของพระองค์ทำเช่นเดียวกัน “จงให้ความยุติธรรมแก่คนอ่อนแอและเด็กกำพร้า จงปกป้องสิทธิของผู้ทุกข์ยากและผู้ขัดสน” (สดุดี 82:3)
พระเยซูคริสต์ยังยํ้าถึงความสามารถของเด็กในการเข้าใจเรื่องฝ่ายวิญญาณโดยตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาผู้ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และโลก ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ที่พระองค์ได้ทรงปิดบังสิ่งเหล่านี้ไว้จากคนมีปัญญาและคนฉลาด แต่ทรงสำแดงแก่พวกทารก” (มัทธิว11:25)
นอกจากนี้ เรายังพบว่าในพระคริสตธรรมคัมภีร์ พระเจ้ามักจะใช้เด็กในการทำพันธกิจที่ยิ่งใหญ่ ตัวอย่างเช่น มิเรียม (พี่สาวของโมเสส) ซึ่งช่วยทารกน้อยโมเสสและทำให้เขากลายเป็นผู้นำของชนชาติอิสราเอลในเวลาต่อมา ดาวิด ซึ่งเป็นผู้ฆ่าโกลิแอทและต่อมาได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล ซามูเอล ผู้ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกตั้งแต่ยังเป็นเด็กไม่เพียงเท่านั้น พระเยซูยังใช้พันธกิจที่ทำกับเด็กเพื่อนำผู้ใหญ่มาถึงความรอด เช่น การรักษาบุตรสาวของไยรัส (มาระโก 5:36) ยังมีพระคัมภีร์อีกหลายตอนที่พูดไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับพระประสงค์ของพระเจ้า ที่จะให้ผู้ใหญ่คอยดูแลเอาใจใส่เด็กๆ
ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีเหตุผลใดที่เราจะปฏิเสธความรับผิดชอบในการดูแลและการช่วยเหลือเด็กๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กที่ต้องเผชิญความทุกข์ยากลำบากในชีวิตจนไม่สามารถมีความหวังใด ๆ ในอนาคต
พันธกิจของคอมแพสชั่นจึงมุ่งกลุ่มเป้าหมายไปที่เด็ก โดยเฉพาะเด็กที่ยากจนด้อยโอกาส เพื่อจะหยิบยื่นความหวังและโอกาสที่เขาควรจะได้รับเช่นเดียวกับเด็กทั่วไป
57/7 ซอย 3 ถนนทุ่งโฮเต็ล ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง
จังหวัดเชียงใหม่ 50000
โทรศัพท์ : 053 266 426 ถึง 9
โทรสาร : 053 240 442
Email : cithpr@gmail.com