รายงานแคมเปญ“เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”

เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

หลักการและเหตุผล

มูลนิธิดรุณาทรตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังทวีความรุนแรงขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน ขยะล้นเมือง มลพิษทางอากาศและน้ำ ตลอดจนการเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนในทุกช่วงวัย และจำเป็นอย่างยิ่งที่เราทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาโลกซึ่งเป็นสิ่งทรงสร้างของพระเจ้า

ด้วยความเชื่อในบทบาทของเยาวชนในฐานะผู้เปลี่ยนแปลงสังคม มูลนิธิฯ จึงได้จัดทำแคมเปญ“เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” (Youth and Creation Care) ขึ้น เพื่อส่งเสริมคริสตจักรและเยาวชนในการขับเคลื่อนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ผ่านความร่วมมือของคริสตจักรคู่มิตรและหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้มั่นใจถึงการปกป้องสิ่งแวดล้อมในระยะยาวและความสามารถในการฟื้นตัวของชุมชน โดยมีกิจกรรมเพื่อปลุกจิตสำนึกและสร้างความตระหนักรู้ในกลุ่มเยาวชนให้เห็นถึงความสำคัญของการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และส่งเสริมบทบาทเยาวชนผู้นำผู้มีจิตสำนึกต่อสังคม รวมทั้งการตอบสนองต่อพันธกิจฝ่ายวิญญาณ ในฐานะผู้ดูแลสิ่งทรงสร้างของพระเจ้าด้วย

แคมเปญนี้ มุ่งเน้นการให้ความรู้ การสร้างแรงบันดาลใจ การลงมือทำผ่านกิจกรรมและแผนปฏิบัติการที่คิดโดยกลุ่มเยาวชน เช่น การอบรมเชิงปฏิบัติการ การหนุนเสริม และการรณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในพื้นที่ เพื่อให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมในคริสตจักรและชุมชนของตนอย่างเป็นรูปธรรม นำไปสู่การเป็นผู้ริเริ่มดำเนินการตอบสนองปัญหาสิ่งแวดล้อมในชุมชน เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงมาสู่สังคมของตนเอง

แคมเปญ “เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” (Youth and Creation Care) เป็นกิจกรรมหนึ่งในกระบวนการพัฒนาเด็กและเยาวชนแบบองค์รวม (Holistic Development Program) ที่ช่วยพัฒนาเยาวชนได้เติบโตทั้งในด้านการเรียนรู้ ทักษะทางสังคม อารมณ์ สุขภาพ และจริยธรรม

ภาพรวมการดำเนินงานแคมเปญ “เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”

ในปี 2022-2024 มูลนิธิดรุณาทรร่วมกับคริสตจักรคู่มิตรและองค์กรเครือข่ายได้มีการจัดกิจกรรมรณรงค์ “เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” (Youth and Creation Care) มาอย่างต่อเนื่อง โดยมี

  • มีคริสตจักรที่เข้าร่วมค่ายอนุรักษ์ธรรมชาติวันเดี่ยวเที่ยวป่า 2-4 กันยายน 2022 จำนวน 14 คริสตจักร (เยาวชน 51 คน พี่เลี้ยง 25 คน) โดยความร่วมมือของ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพรรณพืช อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยและมูลนิธิไทยรักษ์ป่า (เอ็กโก กรุ๊ป)
  • มีคริสตจักรที่เข้าร่วมค่ายดรุณาทรนักสื่อความหมายธรรมชาติ วันที่ 15-19 ตุลาคม 2022 จำนวน 8 คริสตจักร (เยาวขน 33 คน พี่เลี้ยง 9 คน) โดยความร่วมมือของ มูลนิธิไทยรักษ์ป่า และชมรมนักสื่อความหมายธรรมชาติ
  • มีคริสตจักรที่เข้าร่วมค่ายความมั่นคงทางอาหาร 12-14 สิงหาคม 2023 จำนวน 28 คริสตจักร (เยาวชน 58 คน พี่เลี้ยง 25 คน) โดยความร่วมมือของ ECHO Asia Farm & Seed Bank, ศูนย์การเรียนรู้ศาสตร์พอเพียง 7 กระบุงโมเดล และ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ หลังจากค่าย คริสตจักรแกนนำ 10 คริสตจักร ได้รับการโค้ช, ฝึกอบรมในพื้นที่ และปฏิบัติการ ระยะเวลา 10 เดือน
  •  มีคริสตจักร 14 แห่งเข้าร่วมกิจกรรม “อาสาปลูกป่า-เพิ่มพื้นที่สีเขียวป่าต้นน้ำ-เยาวชนปลอดยาเสพติด” วันที่ 23 กันยายน 2023 มีเยาวชนและพี่เลี้ยงรวม 200 คน ณ ป่าชุมชนคริสตจักรแม่เอาะ โดยความร่วมมือคริสตจักรแม่เอาะ คลัสเตอร์อินทนนท์ และองค์กรเครือข่าย ได้แก่ มูลนิธิไทยรักษ์ป่า หน่วยงานป่าไม้ พชบ TKBC โครงการหลวงแม่แฮเหนือ เขตศิโยน มูลนิธิเศรษฐศาสตร์ชุมชนเพื่อการพัฒนา และอำเภอแม่แจ่ม
  • มีคริสตจักรเข้าร่วมงานนิทรรศการและเสวนา Youth and Creation ในวันที่ 10-11 สิงหาคม 2024 จำนวน 41 คริสตจักร (เยาวชน 208 คน พี่เลี้ยง 63 คน) โดยคริสตจักรแกนนำร่วมจัดนิทรรศการแสดงผลงาน จำนวน 10 คริสตจักร

 

หลังจากงานนิทรรศการ จึงเกิดการขับเคลื่อนแคมเปญในเฟสที่สอง ตั้งแต่เดือนกันยายน 2024-พฤษภาคม 2025 เป็นระยะเวลา 8 เดือน สำหรับกลุ่มคริสตจักรใหม่ที่สนใจ 9 คริสตจักร ให้ได้รับการโค้ชฝึกอบรมในพื้นที่, ปฏิบัติการ รวมทั้งหนุนเสริมคริสตจักรแกนนำกลุ่มแรก 10 คริสตจักรให้มีการสานต่อแผนงานเพื่อยกระดับการทำกสิกรรมธรรมชาติในพื้นที่ของตนเอง ให้สามารถต่อยอดไปสู่เศรษฐกิจครัวเรือน ที่เน้นการให้ครอบครัวมีส่วนร่วมมากขึ้น และการนำทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อสร้างรายได้ให้ครอบครัวต่อไป

สำหรับการลงพื้นที่สนับสนุน ติดตามผลแกนนำ 10 คริสตจักรขับเคลื่อนความมั่นคงและอาหารและน้ำและการตอบสนองวิกฤตสิ่งแวดล้อม (ดร.ตฤณธวัช ธุระวร) เฟส 1 ในช่วงเดือนกันยายน 2023 – มิถุนายน 2024 ระยะเวลา 10 เดือน แบ่งเป็น 5 กลุ่มตามพื้นที่ ได้แก่ บุรีรัมย์ 2 คริสตจักร,  สะเมิงบ่อแก้ว 3 คริสตจักร,  แม่แจ่มแม่ลาน้อย 1 คริสตจักร,  อมก๋อย 2 คริสตจักร,  เชียงราย 1 คริสตจักร

  • ลงพื้นที่ครั้งที่ 1 สำรวจบริบทพื้นที่และสร้างความเข้าใจ
  • ลงพื้นที่ครั้งที่ 2 สนับสนุนการปฏิบัติการในแปลงนำร่องของแกนนำ หรือ ในคริสตจักร/ชุมชน
  • ลงพื้นที่ครั้งที่ 3 ติดตามประเมินผลแปลงนำร่อง ผลปฏิบัติการในคริสตจักร ชุมชน และเตรียมการนำเสนอผลงานในนิทรรศการ
  • การประชุมออนไลน์เพื่อเปิดเวทีให้แกนนำและคริสตจักรอื่นๆแลกเปลี่ยนประสบการณ์การขับเคลื่อนตามแผนงาน

 

ผลการสำรวจตั้งแต่กันยายน 2023 – มิถุนายน 2024 พบว่า

  1. มีเยาวชนแกนนำขับเคลื่อน เรื่องความมั่นคงทางอาหารและน้ำ และการจัดการขยะในชุมชน จำนวน 151 คน จาก 11 คริสตจักร
  2. ในชุมชนของเยาวชนแกนนำ อย่างน้อย 138 คน มีการจัดการขยะครบวงจร (สุดปลายทาง) (ปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน จากการใช้ชีวิตประจำวัน)
  3. ครอบครัวของเยาวชนแกนนำ มีการพึ่งพาตัวเองด้านอาหารเพิ่มขึ้น ร้อยละ 27%
  4. เยาวชนแกนนำ/แนวร่วม 103 คน มีการจัดการพื้นที่ทำกินของตัวเอง และสามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียว (คาร์บอนเครดิต) หยุดการชะล้างหน้าดิน จำนวน 674 ไร่ (สำรวจมีพื้นที่ทำกินของครอบครัวเยาวชนแกนนำและแนวร่วม)
  5. เยาวชนแกนนำ/แนวร่วม 507 คน ปลูกต้นไม้ในพื้นที่ทำกินของตนเอง (สำรวจข้อมูลพื้นฐานก่อน)

การขับเคลื่อนแคมเปญในเฟสที่สอง ตั้งแต่เดือนกันยายน 2024-พฤษภาคม 2025

ในปี 2024 แคมเปญ “เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” (Youth and Creation Care) เฟส 2 ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องภายใต้แนวคิด 3 ประการหลัก ได้แก่

  1. การสร้างความสัมพันธ์ในระดับครอบครัวและกลุ่มเยาวชน
    โครงการส่งเสริมให้เยาวชนและครอบครัวได้มีโอกาสร่วมกันทำกิจกรรมด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น การทำกสิกรรมธรรมชาติ การเพาะปลูก และการดูแลสิ่งแวดล้อมร่วมกัน ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็นพื้นที่ในการสร้างสายสัมพันธ์ที่เข้มแข็งระหว่างสมาชิกในครอบครัวและเยาวชนด้วยกันเองด้วย
  2. การเชื่อมโยงเยาวชนสู่ชุมชน
    เมื่อเยาวชนมีพื้นฐานความเข้าใจเรื่องสิ่งแวดล้อมในครอบครัวแล้ว โครงการจะส่งเสริมให้พวกเขาขยายบทบาทไปสู่ระดับชุมชน เช่น การมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำ การเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ โดยคำนึงถึงหลักการพึ่งพาอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  3. การขยายผลสู่เครือข่ายระดับจังหวัดและประเทศ
    แคมเปญดังกล่าวได้ส่งเสริมให้เยาวชนและชุมชน สามารถสื่อสารแนวคิดและผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปยังเครือข่ายต่าง ๆ ทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน การเชื่อมโยงความรู้ และการขับเคลื่อนแนวทางการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากคนต้นน้ำไปสู่คนปลายน้ำอย่างเป็นระบบ

    โดยมีแผนงานเพิ่มศักยภาพและติดตามผล
    ในเฟสที่สอง ดังนี้

กระบวนการที่ใช้ในการอบรม

การอบรมภายใต้แคมเปญ “เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Youth and Creation Care)” ดำเนินงานโดยยึดแนวทางที่บูรณาการทั้ง “ความรู้” และ “คุณธรรม” เข้าไว้ด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำความรู้จากพระวจนะของพระเจ้ามาเป็นพื้นฐานผ่านแนวคิดของ Eden Model (เอเดนโมเดล) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการทรงสร้าง และพระประสงค์ของพระเจ้า ที่ให้มนุษย์มีหน้าที่ดูแลโลกและธรรมชาติที่พระองค์ทรงสร้าง

โดยมีพื้นฐานจากพระธรรม ปฐมกาล 2:15 ที่กล่าวว่า “พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอยู่ในสวนเอเดน ให้ทำและรักษาสวน” โดยแนวคิดนี้ชี้ให้เห็นว่า การดูแลรักษาธรรมชาติไม่ใช่เพียงภารกิจของมนุษย์ในเชิงสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังเป็น พันธกิจฝ่ายจิตวิญญาณ ที่เราได้ตอบสนองต่อพระเจ้าผู้ทรงสร้างโลกและทุกสิ่งอย่างมีเป้าหมาย ดังนั้น การเข้าร่วมอบรมในครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่การเรียนรู้เชิงวิชาการหรือฝึกทักษะเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังถือเป็น “การรับใช้พระเจ้า” ผ่านการดูแลธรรมชาติ และสร้างความเปลี่ยนแปลงในตนเอง ครอบครัว และชุมชนอีกด้วย

การอบรมถูกออกแบบโดยใช้หลักการ 70:30 กล่าวคือ
  • 30% ของเนื้อหาคือการเรียนรู้ด้านหลักการ แนวคิด และแนวทางการอนุรักษ์ เช่น ความรู้เรื่องกสิกรรมธรรมชาติ การจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และหลักการจากพระคัมภีร์
  • 70% คือการลงมือปฏิบัติจริงในพื้นที่ของตนเองหรือในบริบทชุมชน เช่น การออกแบบแปลงเกษตร การฟื้นฟูพื้นที่ธรรมชาติ และกิจกรรมฝึกปฏิบัติอื่น ๆ
เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม วิทยากรและทีมงานจะมีบทบาทสำคัญในการ
  • ถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านการอบรม
  • ติดตามผลและให้คำปรึกษาอย่างต่อเนื่อง
  • เยี่ยมเยียนเพื่อให้กำลังใจ สนับสนุน และเชื่อมโยงผู้เข้าอบรมกับเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อมหรือการเกษตรธรรมชาติ เพื่อเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

โดยมีเป้าหมายให้ผู้เข้าอบรมสามารถ ออกแบบพื้นที่ชีวิตของตนเอง และนำสิ่งที่ได้รับไปขยายผลสู่ครอบครัว ชุมชน และสังคมในวงกว้าง

ผลการขับเคลื่อนแคมเปญ “เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” เฟสสอง

       มีเยาวชนและเจ้าหน้าที่โครงการร่วมอบรมทั้งหมดจำนวน 201 คน แบ่งเป็นชายจำนวน 100 คน หญิงจำนวน 101 คน ดังนี้

  • คริสตจักรสังขละบุรี จำนวน 73 คน แบ่งเป็น หญิง 40 คน ชาย 33 คน
  • คริสตจักรโซนอมก๋อยใต้ (คริสตจักรซิแบร, ห้วยน้ำขาว,วะโซทะ) จำนวน 10 คน แบ่งเป็น หญิง 5 คน ชาย 5 คน
  • คริสตจักรปางมะหัน จำนวน 6 คน แบ่งเป็น หญิง 4 คน ชาย 2 คน
  • คริสตจักรเยาวราษฎร์ จำนวน 6 คน (ชายทั้งหมด)
  • คริสตจักรห้วยกระทิง จำนวน 7 คน แบ่งเป็น หญิง 4 คน ชาย 3 คน
  • คริสตจักรโซนแม่สะเรียง(แม่เหาะ, ท่าตาฝั่ง, จอปร่าคี) จำนวน 12 คน แบ่งเป็น หญิง 6 คน ชาย 6 คน
  • คริสตจักรโซนบ่อแก้ว (คริสตจักรบ่อแก้ว, แม่แฮเหนือ, ป่าเกี๊ยะน้อย) 65 คน แบ่งเป็น หญิง 31 คน ชาย 34 คน
  • คริสตจักรบ้านหนองบัว (TH0806) จำนวน 4 ท่าน แบ่งเป็น หญิง 2 คน ชาย 2 คน
  • คริสตจักรพระวิญญาณบริสุทธิ์(TH0829) จำนวน 4 ท่าน แบ่งเป็น หญิง 2 คน ชาย 2 คน
  • คริสตจักรแม่สลิดน้อย จำนวน 4 ท่าน แบ่งเป็น หญิง 2 คน ชาย 2 คน
  • คริสตจักรแม่สลิดหลวง จำนวน 4 ท่าน แบ่งเป็น หญิง 2 คน ชาย 2 คน
  • คริสตจักรเมืองนะ จำนวน 2 ท่าน แบ่งเป็น หญิง 1 คน ชาย 1 คน
  • คริสตจักรห้วยน้ำริน จำนวน 4 ท่าน แบ่งเป็น หญิง 2 คน ชาย 2 คน
  • มีจำนวนครอบครัวที่เข้าอบรม ทั้งสิ้น 10 ครอบครัว

      ในการดำเนินการอบรม ได้มีการขยายผลต่อยอดจากคริสตจักรต่าง ๆ ไปยังชุมชน ดังนี้

  • คริสตจักรสังขละบุรี ได้มีการขยายผลไปยังชุมชน อบต. โรงเรียน ศูนย์พระคริสตธรรม โดยทางคริสตจักรได้เป็นศูนย์กลางในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมในมิติต่าง ๆ เช่น การจัดการขยะ การปลูกต้นไม้ การทำผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร เป็นต้น นอกจากนั้น ทางคริสตจักรยังมีแผนที่จะสร้างสวนต้นแบบให้กับคริสตจักรและชุมชนในพื้นที่ด้วย
  • คริสตจักรเบธาเนีย ได้ร่วมมือกับ อบต. ในการร่วมกันขับเคลื่อนเบธาเนีย โมเดล โดยเน้นไปที่การร่วมมือกันจัดการขยะในชุมชน ทำให้ชุมชนสะอาดขึ้น และลดค่าใช้จ่ายในการจัดการขยะของ อบต. ได้ด้วย , การทำโรงคัดแยกขยะ โดยให้เยาวชนเป็นผู้ดำเนินการ เพื่อสร้างรายได้จากการขายขยะ และการทำตลาดสีเขียว ลดโลกร้อน ไม่ใช้ถุงพลาสติก นำพืชผักสวนครัวหลังบ้านมาขาย
  • คริสตจักรโซนอมก๋อยใต้ (คริสตจักรซิแบร, ห้วยน้ำขาว,วะโซทะ) ได้นำความรู้เรื่องการจัดการขยะไปขยายผลในชุมชน
  • คริสตจักรบ้านหนองบัวและคริสตจักรพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้มีการทำสวนครัวหลังบ้าน และมีการเริ่มต้นทำผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร เช่น ยาหม่องและแชมพู นอกจากนั้นคริสตจักรที่พม่า ซึ่งเป็นสาขาคริสตจักรหนองบัว ได้นำความรู้ที่ได้จากการอบรมเรื่องกสิกรรมธรรมชาติ ไปอบรมต่อร่วมกับKDSF (เครือข่ายของ TKBC)
  • คริสตจักรโซนแม่สะเรียง แต่ละคนไปทำในพื้นที่ของตนเอง แต่ยังไม่เห็นการขยายผลที่ชัดเจน
  • คริสตจักรเยาวราษฎร์ ได้มีการสร้างสวนต้นแบบเพื่อการเรียนรู้ในชุมชน ชื่อ “สวนแสงเพชร” ดำเนินการโดยเยาวชน
  • คริสตจักรแม่แฮเหนือ โดยครอบครัวของคุณชอติวา(พี่ชอ) กำลังดำเนินการสร้างสวนเศรษฐกิจของครอบครัว โดยใช้หลักกสิกรรมธรรมชาติ
  • คริสตจักรปางมะหัน กำลังจะดำเนินการต่อยอดจากพืชในชุมชนอย่างชาน้ำมัน(ประเภทของชาที่สามารถสกัดน้ำมัน) โดยจะทำเป็นสมุนไพรที่ใช้ในการอบตัว อบผิว เป็นการนำแนวคิดเรื่องการปลูกป่า 5 ระดับเข้าไปเสริม เพื่อสร้างproduct ขึ้นมาโดยครอบครัวคุณก้อย คุณวิว ตั้งใจจะสร้างห้องอบสมุนไพรที่ได้จากสวนของตนเอง มาบริการชาวบ้าน
  • คริสตจักรปะคำ คุณติ๋มได้ทำสวนต้นแบบในคริสตจักร , โครงการขยะทองคำ และห้องเรียนลดโลกร้อน
  • ในการทำสวนครัวหลังบ้าน ได้มีการต่อยอดสู่เศรษฐกิจครัวเรือน ทั้งสิ้นประมาณ 70% ของผู้เข้าอบรม

       

ในการดำเนินงานแคมเปญ “เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” ได้ร่วมมือกับเครือข่ายความร่วมมือ ได้แก่

  • อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย
  • มูลนิธิไทยรักษ์ป่า
  • กลุ่มเยาวชนเครือข่ายไทยรักษ์ป่า
  • ชมรมนักสื่อความหมายธรรมชาติ
  • ศูนย์เรียนรู้ศาสตร์พอเพียงเจ็ดกระบุงโมเดล
  • ศูนย์การเรียนรู้บ้านในสวน
  • มูลนิธิเอคโค่ เอเชีย ประเทศไทย (ECHO ASIA FARM & SEED BANK)
  • สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดเชียงใหม่
  • ฝ่ายประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่16
  • มูลนิธิพึ่งตนเพื่อชาติ
  • KDSF
  • เชฟทิเบต
  • บริษัทดี มี สุข (ไม่) จำกัด (SE)
  • อบต.บ่อแก้ว ,หนองลู
  • CDPD ศูนย์คริสเตียนพัฒนาผู้พิการ แม่สะเรียง

 

การต่อยอดในอนาคตของผู้ที่เข้าร่วมโครงการครั้งนี้ มีแนวทางที่จะสานต่อและขยายผลโครงการ ดังนี้

  • สร้างสวนต้นแบบ
  • สร้างผลิตภัณฑ์รักษ์สุขภาพและสิ่งแวดล้อม
  • การเชื่อมโยงกับเครือข่ายในการขับเคลื่อนงานเยาวชนรักษ์สิ่งแวดล้อม

เบธาเนียโมเดล สร้างพื้นที่สะอาด ถูกสุขอนามัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อมของชุมชน

เบธาเนียโมเดล เริ่มต้นขึ้นจากการที่ผู้นำ เยาวชน และพี่เลี้ยงคริสตจักรเบธาเนีย ต.บ่อแก้ว อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ได้ร่วมอบรมในแคมเปญ “เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” (Youth and Creation Care) และได้นำแนวความคิดเรื่องการจัดการขยะและการดูแลสิ่งแวดล้อมมาทำแผนร่วมกันในคริสตจักร โดยเชื่อมโยงมาจากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน จนมีขยะล้นจุดทิ้งขยะในหมู่บ้าน และทาง อบต.ต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลในแต่ละปี เพื่อจัดการกับขยะ ด้วยเหตุนี้ คริสตจักรเบธาเนียจึงได้ทำเบธาเนียโมเดลขึ้นมา โดยเน้น 3 ประเด็นสำคัญ ดังนี้

  • การจัดการขยะในครอบครัวและชุมชน โดยการใช้เตาเผาชีวมวล
  • โครงการคัดแยกขยะในชุมชน
  • ตลาดสีเขียว

นายบาร์มี่  นะซอ ผู้จัดการโครงการพัฒนาเด็กคริสตจักรเบธาเนีย ได้กล่าวถึงโครงการดังกล่าวนี้ว่า

“หลังจากอบรมโครงการเยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลับมา เราก็เริ่มต้นที่จะคุยกันว่าเราจะต่อยอดจากสิ่งที่เรียนรู้ยังไงได้บ้างให้เป็นรูปธรรม ก็เลยมองไปที่ปัญหาใหญ่ ๆ ในชุมชนของเรา คือเรื่องขยะ จริง ๆ ทางหมู่บ้านได้กำหนดพื้นที่ให้ทิ้งขยะอยู่แล้ว แต่พอขยะมากขึ้น พื้นที่ตรงนั้นก็เริ่มไม่พอ ก็เริ่มมีการทิ้งขยะแบบไม่เป็นที่เป็นทาง ทาง อบต. ก็ใช้เงินเยอะมากในการช่วยกำจัดขยะตรงนี้ เราก็เลยทำเบธาเนียโมเดลขึ้นมา เพื่อแก้ปัญหาเรื่องขยะร่วมกับทาง อบต. และต่อด้วยการตลาดสีเขียว เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนเล็ก ๆ ในชุมชน ให้คนหันมาดูแลสุขภาพด้วยการปลูกพืชผักสวนครัว ที่นอกจากกินแล้ว ยังนำมาขายได้อีกด้วย”

การจัดการขยะในชุมชน โดยเตาเผาชีวมวล

ในปัจจุบัน ปัญหาขยะในชุมชนยังคงเป็นประเด็นที่ต้องได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะในพื้นที่หมู่บ้านหรือชุมชนที่มีการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ซึ่งขยะจากกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ใบไม้แห้ง กิ่งไม้ หรือขยะทั่วไป อาจกลายเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค หรือก่อให้เกิดมลพิษหากไม่ได้รับการจัดการอย่างถูกวิธี

หนึ่งในแนวทางที่หมู่บ้านของเราได้เลือกใช้คือ การนำเตาเผาชีวมวล มาใช้ในการกำจัดขยะภายในชุมชน ซึ่งเตาชนิดนี้มีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะเรื่องของ การลดควัน และลดค่าฝุ่น PM 2.5 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเตาเผาชีวมวลที่นำมาใช้นั้น เป็นเตาที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อให้สามารถเผาขยะได้ในปริมาณมาก ภายในเวลาอันสั้น โดยสามารถเผาขยะได้ถึง 200 กิโลกรัมภายใน 15-30 นาที อุณหภูมิภายในเตาอยู่ที่ประมาณ 400 องศาเซลเซียส ซึ่งเพียงพอสำหรับการเผาไหม้ขยะอย่างสมบูรณ์

อบรมหลักสูตร 7 กระบุงโมเดล

(3 คืน 4 วัน) จำนวน 2 รุ่น

พื้นที่
  • โซนแม่สะเรียง (อบรมในพื้นที่)
  • โซนท่าสองยาง (อบรมในพื้นที่)
  • โซนเชียงรายและอื่น ๆ (อบรมที่ศูนย์ฯ 7 กระบุง)
  • โซนตะนาวศรี (สังขละ)

โซนแม่ตื่น (ห้วยน้ำขาว-ซิแบร-วะโซทะ)

ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

10 แกนนำต้นแบบ

– การออกแบบพื้นที่ชีวิตและการลงมือปฏิบัติในพื้นที่ตนเอง

– การดูแลเชื่อมโยงคุณค่าป่าชุมชน/ป่าต้นน้ำสร้างมูลค่า (ตามบริบท)

อบรมตามความสนใจ

(ตลาดวิชา 4 วิชา 2 คืน 3 วัน)

ผลผลิต/ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

45 ครอบครัวเยาวชนต้นแบบ

– สวนครัวหลังบ้าน/สวนเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง การต่อยอดสู่เศรษฐกิจครัวเรือน สานสัมพันธ์ครอบครัว

– พื้นที่ต้นแบบ/ศูนย์เรียนรู้

– การดูแลเชื่อมโยงคุณค่าป่าชุมชน/ป่าต้นน้ำสร้างมูลค่า (ตามบริบท)

หลักการทำงานของเตาเผา จะใช้วิธีการจุดไฟจากด้านบนของเตา เพื่อให้เกิดแรงดึงอากาศจากด้านล่างเข้าสู่เตา ทำให้เกิดการเผาไหม้ที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดควัน ยังช่วยควบคุมทิศทางของอากาศที่ไหลเวียน ทำให้มลภาวะทางอากาศลดลงอย่างเห็นได้ชัด ที่สำคัญคือ การใช้เตาเผาชีวมวลนี้ ยังเป็นการ จัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง ลดการสะสมของสารพิษที่อาจซึมลงสู่ดินที่ใช้เพาะปลูก หรือไหลลงแหล่งน้ำในพื้นที่ ส่งผลดีต่อสุขภาพของคนในชุมชน และสิ่งแวดล้อมโดยรวม

นายธงชัย พนาคีรีราษฎร์ สมาชิก อบต. หมู่ 1 ต.บ่อแก้ว ได้กล่าวถึงเรื่องการจัดการขยะว่า “อบต. มีงบประมาณในการจัดเก็บขยะในชุมชน เข้าร่วมโครงการ 5 หมู่บ้าน งบประมาณจะอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาท แต่เมื่อทำโครงการนี้ ก็มีผลที่ดีขึ้นเพราะในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ค่าขยะก็ประหยัดไปได้ประมาณ 8 หมื่นบาทเลยทีเดียว นอกจากนั้น เรายังมีกิจกรรม “ชุมชนสะอาด สู่ อบต. สะอาดตา” ซึ่งเห็นเลยว่าหมู่บ้านต่าง ๆ ได้ร่วมใจกันรักษาความสะอาดได้ดีขึ้นมาก ทำให้ชุมชนสะอาดขึ้นตามมา”

โครงการคัดแยกขยะโดยเยาวชน

เพื่อส่งเสริมการจัดการขยะอย่างเป็นระบบ และลดปริมาณขยะที่เกิดขึ้นในชุมชน โครงการคัดแยกขยะ ได้ดำเนินการจัดตั้งโรงคัดแยกขยะ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ การลดขยะที่ต้นทาง พร้อมทั้งส่งเสริมแนวทางการจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพผ่าน หลัก 3R ได้แก่

  • Refuse (ปฏิเสธการใช้)
    ส่งเสริมให้คนในชุมชนลดการใช้สิ่งของที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง เช่น ถุงพลาสติก กล่องโฟม หรือวัสดุที่ย่อยสลายยาก โดยเน้นให้เลือกใช้สิ่งของที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
  • Reuse (ใช้ซ้ำ)
    สนับสนุนให้มีการนำของใช้ต่าง ๆ กลับมาใช้ซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การนำภาชนะเก่ามาใช้งานใหม่ เพื่อลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น
  • Recycle (รีไซเคิล)
    ขยะที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เช่น กระดาษ ขวดแก้ว พลาสติก ฯลฯ จะถูกคัดแยกอย่างเหมาะสม และนำไปแปรรูป หรือขายเพื่อนำรายได้กลับมาสู่ชุมชน อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับขยะเหล่านี้อีกด้วย

ในกระบวนการนี้ โครงการยังได้จัดกิจกรรมให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน เพื่อสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากการสอนให้แยกขยะที่บ้าน เช่น การแยกกระดาษ ขวด หรือวัสดุรีไซเคิลอื่น ๆ ซึ่งสามารถนำมาขายต่อได้ สร้างทั้งรายได้ และเป็นการลดปริมาณขยะที่เข้าสู่ระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตลาดนัดสีเขียว

โครงการ “ตลาดสีเขียว” ที่เกิดขึ้นในชุมชนของเรา เริ่มต้นจากการที่เยาวชนในคริสตจักรได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ Youth and Creation Care “เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม”  ภายหลังจากการเข้าร่วมโครงการแล้ว ทั้งเยาวชนและผู้นำในคริสตจักร ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างพื้นที่ที่สะท้อนถึงการดูแลโลกและชุมชนไปพร้อมกัน จึงเกิดเป็นแนวคิดในการเปิด “พื้นที่สีเขียว” สำหรับชุมชน ที่ไม่เพียงตอบโจทย์เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่ยังสอดคล้องกับวิถีชีวิต เรียบง่าย พอเพียง และแบ่งปันซึ่งกันและกัน

ด้วยเหตุนี้ “ตลาดสีเขียว”  ภายใต้เบธาเนีย โมเดล ของคริสตจักรเบธาเนีย อ.บ่อแก้ว จ.เชียงใหม่ จึงได้เริ่มต้นขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็น “พื้นที่แห่งชีวิตและการดูแล” ที่พี่น้องในชุมชนจะสามารถนำ ผลผลิตจากสวน

      จุดเด่นของตลาดสีเขียว มีดังต่อไปนี้

  • เป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงในระดับครัวเรือน
  • เชื่อมโยงชุมชนให้เกิดความสัมพันธ์และการแบ่งปัน
  • ส่งเสริมการบริโภคอย่างมีสติ ปลอดภัยจากสารเคมี
  • ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use plastic)
  • เสริมสร้างบทบาทของคริสตจักรในการดูแลสรรพสิ่งและสิ่งแวดล้อม

บทสัมภาษณ์ของผู้ดำเนินโครงการและผู้เข้าร่วมโครงการ

ดร. ตฤณธวัช ธุระวร ที่ปรึกษาแคมเปญ“เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” (Youth and Creation Care) ได้กล่าวถึงที่มาและความจำเป็นในการขับเคลื่อนเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดังนี้

ในยามวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้น ที่จริงแล้วในพระคัมภีร์ก็ได้บอกเราล่วงหน้าแล้วนะครับ  ไม่ได้หมายความว่าให้เราฟังแล้วให้เราตระหนก แต่ให้เราตระหนัก  ให้เราที่จะลุกขึ้นมาเตรียมตัวเอง พระเจ้าได้ให้หน้าที่กับเราตั้งแต่ต้นแล้ว คือให้เราดูแลสิ่งทรงสร้างของพระองค์ เรารู้อยู่ว่าในยุคนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น ภาวะโลกเดือด โลกรวน ที่ UN บอกว่าจะเกิดภัยพิบัติเฉลี่ยวันละ 2-5 ครั้ง แต่ผมว่ามันไม่ใช่แล้วนะครับ ที่ผมเช็คดูวันหนึ่งรอบโลก มันเกิดภัยพิบัติมากกว่า 10 ครั้ง แล้วมันเกิดภัยพิบัติที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเราอยากจะอยู่รอดได้ในยุคปัจจุบัน พระเยซูคริสต์ก็บอกว่า ถ้าวันที่มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ให้เราหนีไปยังถิ่นทุรกันดารหรือหนีไปยังภูเขา นี่สะท้อนภาพของเอเดน ที่ภูเขามีอะไร มันมีดินน้ำป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีอากาศที่ดี มีอาหารที่ดีแล้วก็มียารักษาโรคด้วย พื้นที่ของเราให้มีดินน้ำป่าที่อุดมสมบูรณ์นะครับ เพื่อที่สิ่งเหล่านี้จะสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับเรา มีอากาศที่ดีแล้วก็มียารักษาโรค แล้วสิ่งเหล่านี้เราสามารถที่จะต่อยอดออกไป ให้เป็นทั้งเรื่องของเศรษฐกิจรายได้ ในเรื่องของความมั่นคงของครอบครัวเอง แล้วก็สามารถที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้นะครับ ผ่านทางการให้ มีการสร้างเครือข่ายที่มีการรักกัน มีสังคมแห่งการเอื้ออาทรและการให้ซึ่งกันและกัน มีความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนมนุษย์ที่ดี มีความสัมพันธ์ระหว่างเรากับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า อันนั้นคือเอเดนครับ”

นางสาวอุบลวรรณ แก้วนุ่ม อาสาสมัครมูลนิธิพึ่งตนเพื่อชาติ และโครงการอารยธาม ในฐานะองค์กรเครือข่ายความร่วมมือ ที่มีแนวคิดเดียวกันในเรื่องของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ได้กล่าวว่า

 

“ตอนนี้วิกฤตของเราก็คือสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เราก็เลยทำโครงการที่มีชื่อว่าอารยธาม(arayatime) เราคาดหวังว่าอารยธามเนี่ย จะสามารถสร้างชุมชนและสังคมแห่งการพึ่งตนเองได้และแบ่งปัน  ส่วนในเรื่องของกสิกรรมธรรมชาติ เราก็ให้การสนับสนุนในแง่ของการขุดเตรียมพื้นที่ก่อน ให้เขาออกแบบพื้นที่ ซึ่งเจ้าของแปลงจะต้องมาเรียนรู้และอบรมกับเรา และเขาต้องน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของไนหลวงรัชกาลที่ 9 ไปใช้ในชีวิตของเขาให้ได้ ข้อ 2 ก็คือจะต้องเรียนรู้หลักกสิกรรมธรรมชาติ แล้วเราก็ลงทุนขุดให้เขา ตามที่เขาออกแบบ แล้วก็พาเพื่อน ๆ ไปเอามื้อกัน แล้วหลังจากนั้นจะมีการเปิดอบรมให้ความรู้ตามวิถีของเขา เพื่อที่เขาจะได้ออกไปขับเคลื่อนชุมชนของเขาในแต่ละพื้นที่”

เชฟทิเบต ทองเสเทื้อน เจ้าของร้าน Fisherman Café หนึ่งในเครือข่ายที่ได้เข้ามาให้ความรู้แก่ผู้เข้าอบรม ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าของผลผลิตในท้องถิ่นให้กลายเป็นอาหารขึ้นชื่อได้  ได้กล่าวว่า

 

“ สิ่งที่ค้นพบในท้องถิ่นมีเยอะ อย่างเช่นมัน อย่างบ้านบนดอยของ ดร.ชิ มีตั้ง 30-40 สายพันธุ์ ซึ่งผมเองก็ใช้ไม่กี่สายพันธุ์ ผมก็ได้ชิมแล้ว รสชาติมันน่าตื่นเต้น มันวาวมาก ผมก็เลยบอก ดร.ชิ มันสามารถเป็น chef’s table ได้นะ น่าจะเป็นอีกมิติหนึ่งที่น่าสนใจ และสามารถนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์หหรือธุรกิจในอนาคตได้จากของธรรมดา ๆ พื้นบ้าน สู่ความเลอค่าบนโต๊ะอาหารได้ครับ”

เพชร เยาวชนคริสตจักรเยาวราษฏร์ ผู้มีความฝันที่อยากจะมีสวนเพื่อการเรียนรู้เรื่องกสิกรรมธรรมชาติในชุมชน ได้พูดถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบพื้นที่สวนของตนโดยใช้หลักกสิกรรมธรรมชาติว่า

“ แรงบันดาลใจที่ทำให้ผมสนใจในเรื่องของกสิกรรมธรรมชาติกับเศรษฐกิจพอเพียงก็คือ ผมได้เห็นแบบอย่างของไนหลวงท่านครับ ที่ท่านได้เสียสละแรงกาย แรงใจแล้วก็เวลานะครับ เพื่อที่จะปลูกฝังประชาชนชาวไทยอย่างพวกเราในเรื่องของการพึ่งพาตัวเอง แล้วก็ในรื่องของการแบ่งปันช่วยเหลือผู้อื่นผ่านทางกสิกรรมธรรมชาติ  แรงบันดาลใจที่ 2 คือเรื่องอาหารปลอดภัยและเรื่องภัยพิบัติ  ตอนที่เกิดวิกฤติในเรื่องภัยพิบัติ เราเห็นว่าอาหารเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ในการที่ทำให้คนอยู่รอดในช่วงของภัยพิบัติ  เพราะเราจะเห็นว่าในช่วงเวลานั้นมีการขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม เพราะฉะนั้นในช่วงที่เรามีคลังอาหารที่ปลอดภัย สะอาด และมีน้ำดื่มที่ปลอดภัย ก็สามารถทำให้เราอยู่ในช่วงภัยพิบัติได้อย่างปลอดภัย ผมมีความตั้งใจ มีแนวคิดว่าอยากทำให้มันเป็นสวน และเป็นศูนย์การเรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติอย่างเต็มรูปแบบ

เพื่อที่เราจะผลักดันให้คนรุ่นใหม่ เยาวชน ที่อยากจะกลับมาอยู่บ้านเกิดแต่ยังไม่รู้ว่าพื้นที่ที่ตัวเองอยู่นั้น สามารถที่จะทำอะไรได้บ้าง และสามารถเปลี่ยนแปลงพื้นที่จากเกษตรเชิงเดี่ยว สู่การผสมผสานเกษตรเข้าด้วยกัน อย่างกสิกรรมธรรมชาติ ในการดูแลระบบนิเวศแล้วก็การทำเกษตรยั่งยืนแบบปลอดสารเคมี”

 

ศาสนาจารย์ทรงศักดิ์ เสดวงชัยและนายภูษิต  เสดวงชัย ศิษยาภิบาลคริสตจักรสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พ่อ-ลูกสายพัฒนาชุมชน หนึ่งในครอบครัวที่ได้เข้าร่วมการอบรมเรื่องกสิกรรมธรรมชาติ  ได้พูดถึงความตั้งใจที่จะนำความรู้ที่ได้กลับไปพัฒนาพื้นที่ในคริสตจักร ดังนี้

มาเรียนรู้ที่นี่เพื่อที่จะนำความรู้ที่ได้รับ กลับไปพัฒนาในที่ดินโครงการเรา  เราจะทำให้เป็นต้นแบบสำหรับสมาชิกคริสตจักรด้วยและชุมชนด้วย เราเริ่มแล้ว แต่เราก็ต้องการองค์ความรู้ต่าง ๆ เพื่อที่จะขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นจริง ๆ การได้มาอบรมและทำเกษตรร่วมกับลูกชาย เป็นสิ่งที่ทำให้ครอบครัวได้คุยกันมากขึ้น เพราะที่ผ่านมา ครอบครัวเราก็คุยกันน้อยมาก เพราะทุกคนก็มีภารกิจการงาน การมาครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีมาก เรานอนด้วยกัน หยอกล้อกัน เรามีโอกาสได้คุยกันเยอะขึ้น รู้สึกว่าสิ่งนี้มันเป็นโอกาสพิเสษ ที่ทำให้พ่อลูกมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นครับ”

นายภูษิต  เสดวงชัย เจ้าหน้าที่โครงการพัฒนาเด็ก คริสตจักรสังขละบุรี ได้กล่าวเพิ่มเติม ถึงการที่จะนำความรู้ไปต่อยอดกับเยาวชน ดังนี้

“ผมทำงานกับเด็กและเยาวชน อยากจะสอน อยากปลูกฝังน้องๆ เรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ อยากให้น้อง ๆ ได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง สิ่งที่ผมอยากจะนำกลับไป คือ 7 กระบุง คือการดูแลต้นน้ำ การดูแลสัตว์ทั้งหลาย ที่ผ่านมาเราอาจจะมีโอกาสได้ไปเก็บขยะที่ข้างถนน ได้เก็บขยะที่ต้นน้ำ แต่ที่มากกว่านั้นคือเราอยากให้น้อง ๆ ได้ปลูกได้หว่านเพื่อที่เขาจะได้รับผลและใช้มันในชีวิตจริง ๆ”

เช่นเดียวกับครอบครัวคุณซอติวา ยิ่งสินสัมพันธ์  ที่มาอบรมหลักกสิกรรมธรรมชาติกันทั้งครอบครัว ก็ได้รับความรู้มากมาย จนมีความคิดที่จะนำสิ่งที่ได้รับไปเริ่มต้นทำพื้นที่เกษตรเล็กๆที่บ้าน

“ที่ ๆ เราอยู่เป็นพื้นที่ที่ใช้สารเคมีเยอะ ที่ไม่ใช้เคมีไม่มีเลย เราคิดกันว่าเราจะเป็นคนเริ่มก่อน จะเริ่มต้น จะทำกับครอบครัว”

ซีนาย (ลูกชาย) ได้เข้าร่วมกิจกรรมย่ำบ่อครั้งแรก ได้พูดถึงประสบการณ์และความรู้ใหม่ที่ได้รับว่า..

“ ผมก็ได้เรียนรู้เรื่องการทำบ่อดินนะครับ ได้รู้ว่าบ่อดินธรรมดาสามารถเก็บน้ำได้ ตอนแรกผมก็คิดว่าการทำบ่อจากขี้วัว ฟางแล้วก็ดิน เอามาผสมกันมันได้ด้วยเหรอ แต่พอลองเอาไปทำจริง ๆ มันก็ไม่ได้เหม็น ก็เป็นงานที่สนุกครับผม”

นางศิรินทิพย์ ยิ่งสินสัมพันธ์ (แม่) ได้พูดถึงประโยชน์ที่ได้รับทั้งในแง่ความสัมพันธ์จากการได้มาอบรมเชิงปฏิบัติการหลักการทำเกษตรผสมผสานและการจะนำไปใช้ในอนาคต ว่า

“การได้มาเวิร์คช้อปที่นี่ มันทำให้เราได้มีการพูดคุยกันมากขึ้นกว่างเดิม รู้ความคิดเห็นของกันมากขึ้น รู้ว่าอนาคตครอบครัวเราจะแพลนยังไง การกระชับความสัมพันธ์ด้วย อย่างซีนาย พี่ทิพย์ก็ไม่คิดว่าเขาจะย่ำบ่อโคลน แต่เขาก็ลงไปย่ำบ่อโคลน แล้วก็ได้ฟังมุมมองของเขามากขึ้น แล้วก็เรามีความตั้งใจที่อยากจะไปทำในที่ของเรา เป็นเหมือนพื้นที่ความมั่นคงทางอาหารเล็ก ๆ ในครอบครัว เกี่ยวกับเรื่องอาหาร”

ในส่วนของคริสตจักรสบอมแฮด อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ที่ได้เข้าร่วมโครงการครั้งแรก คุณสายสิริ บัณฑิตมหาศาล เจ้าหน้าที่โครงการได้เล่าถึงสถานการณ์สิ่งแวดล้อมในชุมชนว่า คนในชุมชนมักทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง แต่เมื่อได้เข้าร่วมแคมเปญ “เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” ได้มีความสนใจและตั้งใจที่จะจัดการขยะในชุมชนและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น

 

“จากการที่ได้ไปอบรม เราก็ได้เริ่มต้นสอนเรื่องการเก็บขยะในหมู่บ้าน และการคัดแยกขยะในครัวเรือนและในคริสตจักร ตอนนี้เด็ก ๆ กำลังจะทำโครงการขอเตาเผาชีวมวล ในส่วนเครือข่ายความร่วมมือ เราก็ได้ทำร่วมกับ อบต. และ อสม.โดยเราได้เชิญทาง อบต.มาช่วยสอนในเรื่องปัญหาสุขภาพที่เกิดจากขยะ และรณรงค์ไม่ให้ทิ้งขยะเรี่ยราดในหมู่บ้านค่ะ”

นอกจากนั้น ยังมีตัวแทนเยาวชนจากหลายคริสตจักรได้เข้าร่วมอบรมหลักกสิกรรมธรรมชาติ ตามศาสตร์เศรษฐกิจพอเพียง และมีความตั้งใจที่จะนำองค์ความรู้มากมายที่ได้รับไปสานต่อในพื้นที่ของตนเอง ดังนี้

“สิ่งที่หนูประทับใจคือย่ำขี้บ่อค่ะ ก็จะนำไปต่อยอดที่บ้านนะคะ เพราะว่าที่บ้านนี่มีบ่อ  แล้วก็จะเอาสมุนไพรไปปลูกเพิ่ม แล้วตั้งใจจะทำกสิกรรมธรรมชาติแบบไม่ใช้สารเคมีเลย”

อ้าย เยาวชนคริสตจักรปางมะหัน

“หนูจะนำเรื่องสมุนไพรที่ได้เรียนรู้ เอาไปบอกพ่อแม่ที่บ้าน เพื่อลดการใช้ยาจากข้างนอก แล้วมาทานสมุนไพรแทน”

มายด์ เยาวชนคริสตจักรห้วยกระทิง

“สิ่งที่จะนำกลับไปทำคือจะไปขุดคลองไส้ไก่ในพื้นที่ของตัวเองครับ เพราะว่าพื้นที่ของผมก็กว้างอยู่ แล้วจะนำความรู้เรื่องการทำปุ๋ยกลับไปทำที่บ้านครับ”

ตั้งบิล เยาวชนคริสตจักรเยาวราษฏร์

สรุปผลสำเร็จภาพรวมของการดำเนินงานแคมเปญ “เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” เฟสสอง

  • มีอย่างน้อยครอบครัว 10 ครอบครัวได้ลุกขึ้นมาทำ นำหลักของกสิกรรมธรรมชาติมาใช้กับชีวิตของตัวเองในการเพาะปลูกพืชอาหาร การทำเกษตรหลังบ้าน ช่วยลดรายจ่าย สร้างรายได้
  • กลุ่มเป้าหมายที่มาอบรม ยังได้มีการมาออกแบบพื้นที่ชีวิตตัวเอง ตามหลักกสิกรรมธรรมชาติ ได้มีการนำเอาแนวคิดเอเดน โมเดลมาใช้ในพื้นที่ตัวเอง ในการปลูกป่า 5 ระดับ ในการฟื้นฟูดิน น้ำ ป่า แล้วก็การสร้างความมั่นคงทางอาหาร และยังสามารถที่จะเชื่อมโยงเข้ากับป่าชุมชน ทรัพยากรที่อยู่ในป่าชุมชนของเขา สร้างเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นมา อย่างเช่นการผลิตสบู่ ใช้สมุนไพร ใช้กรรมวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีการผลิตยาสมุนไพรโดยเอาว่าน สมุนไพรจากป่า  มาผลิตเป็นยารักษาโรคและสามารถเอามาจำหน่ายได้ มาผลิตเป็นแชมพูสมุนไพร จากวัตถุดิบธรรมชาติ อย่างเช่นประคำดีควาย หรือว่าส้มป่อย หรือใบหมี่ 
  • มีการนำองค์ความรู้และผลิตภัณฑ์ไปถ่ายทอดและประชาสัมพันธ์สู่ภายนอก เช่น ในงานสมัชชาใหญ่ของ TKBC มีการรณรงค์เรื่องของสิ่งแวดล้อม การจัดการขยะ
  • ได้นำไปขยายผล สร้างเครือข่ายการดูแลสิ่งแวดล้อม ได้เชื่อมโยงไปสู่เครือข่ายของพี่น้องระดับประเทศ เช่นเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ เครือข่ายพึ่งตนเพื่อชาติ

คำชื่นชมจากวิทยากรและเครือข่าย

อ.บุญศักดิ์ ทองดี ผู้ร่วมก่อตั้งบ้านในสวน

“ด้วยความยินดีและใจที่เปี่ยมด้วยความหวัง ผมขอแสดงความขอบคุณจากใจต่อเยาวชนทุกคนและคริสตจักรทุกแห่ง ที่เปิดใจเรียนรู้และร่วมกันลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังในการดูแลรักษาโลกใบนี้ซึ่งเป็นสิ่งทรงสร้างอันประเสริฐของพระเจ้า ผ่านการมีส่วนร่วมในแคมเปญ “เยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม” (Youth and Creation Care)


ท่ามกลางวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่ทวีความรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาวะโลกร้อน ขยะล้นเมือง มลพิษ หรือการเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ พวกท่านเลือกที่จะไม่ยืนดูเฉยๆ แต่ลุกขึ้นตอบสนองด้วยหัวใจที่อ่อนน้อมต่อพระเจ้า และด้วยมือที่พร้อมจะลงมือสร้างสรรค์ความเปลี่ยนแปลง นี่คือภาพสะท้อนของผู้นำแห่งความหวังอย่างแท้จริง


ผมขอชื่นชมในความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ และความกล้าหาญในการลงมือทำของทุกคนที่ได้ร่วมกันคิด ริเริ่ม และดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการ การรณรงค์ในชุมชน หรือการวางแผนและลงมือดูแลสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของตน ทุกย่างก้าวที่ท่านได้ลงแรง คือคำพยานที่มีชีวิตถึงความเชื่อ ความรัก และการตอบสนองต่อพันธกิจฝ่ายวิญญาณในฐานะผู้ดูแลสิ่งทรงสร้างของพระเจ้า เยาวชนไม่ใช่เพียงความหวังของอนาคต แต่คือพลังสำคัญของปัจจุบัน พวกท่านได้แสดงให้เห็นว่า คริสตจักรสามารถเป็นศูนย์กลางของการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ทั้งในด้านจิตวิญญาณ สังคม และสิ่งแวดล้อม


ผมและเพื่อน ๆ จากองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเดินเคียงข้างทุกท่านในเส้นทางแห่งการฟื้นฟูนี้ ขอส่งกำลังใจให้ทุกท่านยืนหยัดมั่นคงทั้งในความเชื่อและการกระทำ เพราะการดูแลรักษาโลกใบนี้ คือการถวายเกียรติแด่พระเจ้าผู้ทรงสร้างผ่านชีวิตของท่านเอง ขอพระเจ้าอวยพระพรอย่างมากมายและเต็มเปี่ยมในทุกก้าวเดินของท่าน”

“มูลนิธิดรุณาทรสนับสนุนและส่งเสริมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแบบองค์รวม
เพื่อช่วยให้พวกเขาได้ค้นพบศักยภาพของตนเอง เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม”
ขอบคุณคริสตจักรที่สนับสนุนเยาวชนเข้าร่วมแคมเปญ :

รายชื่อแกนนำกลุ่มแรก 10 คริสตจักร ได้แก่ คริสตจักรเยาวราษฎร์, คริสตจักรหนองม่วน, คริสตจักรอูตูม, คริสตจักรโนนดินแดง, คริสตจักรอิมมานูเอลปะคำ, คริสตจักรทุ่งจำเริง, คริสตจักรสบอมแฮด, คริสตจักรพระพรแม่ลาเอก, คริสตจักรเบธาเนีย, คริสตจักรแม่แฮเหนือ และแกนนำกลุ่มสอง 9 คริสตจักร ได้แก่ คริสตจักรจอปร่าคี, คริสตจักรแม่สลิดหลวง, คริสตจักรแม่เหาะ, คริสตจักรบ่อแก้ว, คริสตจักรเมืองนะ, คริสตจักรสองแคว, คริสตจักรห้วยน้ำริน, คริสตจักรทีมูโกล และคริสตจักรบ้านท่าตาฝั่ง

รายชื่อคริสตจักรทั้งหมด 63 คริสตจักรที่เข้าร่วมแคมเปญเยาวชนอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม:

คริสตจักรห้วยน้ำริน, คริสตจักรเคลอะเด, คริสตจักรเชียงดาว, คริสตจักรเบธาเนีย, คริสตจักรเมืองคอง, คริสตจักรเมืองนะบ้านจองคำ, คริสตจักรเมืองฮอด, คริสตจักรเยาวราษฎร์, คริสตจักรเหว่ตลู, คริสตจักรแจ่มหลวง, คริสตจักรแบ๊พติสลาหู่บ้านปางมะหัน, คริสตจักรแม่เหาะ, คริสตจักรแม่แฮเหนือ, คริสตจักรแม่แฮใต้, คริสตจักรแม่ลายเตียนอาง, คริสตจักรแม่สลิดน้อย, คริสตจักรแม่สลิดหลวง, คริสตจักรแม่อุมโล๊ะ, คริสตจักรแห่งนิมิตน้ำซุ้ม, คริสตจักรโนนดินแดง, คริสตจักรกิโก่เด๊าะคี, คริสตจักรขุนแม่คะตวน, คริสตจักรจอปร่าคี, คริสตจักรจือทะ, คริสตจักรต่อปลาเด, คริสตจักรตะหละออกลา, คริสตจักรท่าตาฝั่ง, คริสตจักรที่ 1 แม่สอด, คริสตจักรที่ 1 ฝาง, คริสตจักรทีมูโกล, คริสตจักรทุ่งจำเริง, คริสตจักรนับพระพรกอโมทะ, คริสตจักรบ่อแก้ว, คริสตจักรบ้านเดจิคอ, คริสตจักรบ้านแม่แว, คริสตจักรบ้านแม่ลายต๋อมเต้า, คริสตจักรบ้านใหม่, คริสตจักรบ้านคำหวัน, คริสตจักรบ้านทุ่งจำเริง, คริสตจักรบ้านผาใต้เก่า, คริสตจักรบ้านสบโขง, คริสตจักรบ้านหนองเจ็ดหน่วย, คริสตจักรบ้านหนองม่วน, คริสตจักรบ้านห้วยกระทิง, คริสตจักรบ้านอรุโณทัย, คริสตจักรบ้านอีวีโจ, คริสตจักรป่าเกี๊ยะน้อย, คริสตจักรพญาไพร, คริสตจักรพระพรแม่ลาเอก, คริสตจักรพอนอถ่า, คริสตจักรวรกาย, คริสตจักรสบโขง, คริสตจักรสบอมแฮด, คริสตจักรส้มป่อย, คริสตจักรสมานสามัคคีเมืองสุโขทัย, คริสตจักรสมานสามัคคีบ้านห้วยกระทิง, คริสตจักรสองแควน่าน, คริสตจักรสัมพันธ์บ้านละอูบ, คริสตจักรหนองเขียวโบสถ์, คริสตจักรห้วยน้ำริน, คริสตจักรอิมมานูเอลปะคำ, คริสตจักรอุ้มผาง, คริสตจักรอูตูม

Video Show case การขับเคลื่อน Youth and Creation Care
TH345 คจ ปางมะหัน
TH984 คจ บ้านห้วยกระทิง
TH375 คจ หนองม่วน

ข่าวกิจกรรม:

ข่าวกิจกรรมวันเดียวเที่ยวป่า
ข่าวกิจกรรมค่ายดรุณาทรนักสื่อความหมายธรรมชาติ
ข่าวกิจกรรม Youth and Creation Care ค่าย “ความมั่นคงทางอาหารและน้ำ และวิกฤตสิ่งแวดล้อม”
ข่าวกิจกรรมอาสาปลูกป่าร่วมกับคริสตจักรแม่เอาะ
ข่าวงานนิทรรศการและผลงานการขับเคลื่อน Youth and Creation Care 10-11สิงหาคม 2567
Teaser YCC Movement รวมภาพเยาวชนอนรักษ์สิ่งแวดล้อม
การขับเคลื่อนแคมเปญ Youth and Creation Care มูลนิธิดรุณาทร ร่วมกับ คริสตจักรคู่มิตร

รายงานแคมเปญ YCC // มิถุนายน 2025

cithpr@gmail.com

Social Media 

มูลนิธิดรุณาทร

57/7 ซอย 3 ถนนทุ่งโฮเต็ล ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง
จังหวัดเชียงใหม่ 50000
โทรศัพท์ : 053 266 426 ถึง 9
โทรสาร : 053 240 442
Email : cithpr@gmail.com